กราบสวัสดี เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ชาวสยาม ทุกคน ที่หลงเข้ามาในบล็อกนี้ (อิอิ)
คงไม่ขนาดนั้นหรอกเน้อ… ทีจริงเข้ามาอย่างตั้งใจใช่ป่ะคะ
แนะนำตัวกันเลยดีกว่า ขอตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองว่า Admin Tha ก็แล้วกันนะคะ
เจ้าของ weblog สุดกันดารแห่งนี้
เออ..แล้วมันกันดารยังไงน้อ ก็มันไม่ค่อยมีใครมาแวะเวียนไง มันก็เลยกันดาร …อ่ะนะ
แต่เดิมนั้นบล็อกนี้ได้สร้างขึ้นที่ blogspot ซึ่งธีมเดิมมันไม่รองรับการเปิดหน้าเว็บกับโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต พูดง่ายๆคือ มันไม่ mobile friendly เอาซะเลย ถ้ายังไม่ปรับปรุงเว็บอีกล่ะก็ คราวนี้กันดารสุดๆหยุดไม่อยู่แน่ๆ 555 ทางGoogle ก็ส่งเมลล์มาเป็นประจำ ว่าเว็บของyouน่ะมันล้าสมัยละ ไม่รองรับอะไรเลย ดังนั้นก็เลยปรับปรุงเป็นหน้าเว็บอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ
ที่มาที่ไป…….
เจตนารมณ์ชองบล็อกนี้คือ
……..สอนตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษ
ตอนที่เริ่มจัดทำบล็อก (ตั้งแต่ 7/11/2010) เป็นช่วงที่การเขียนบล็อกเริ่มเป็นอะไรที่ฮิต ไอ้เราก็อยากจะเกาะกระแสกับเขาบ้างอะไรบ้าง เลยคิดว่าจะทำบล็อกเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษขึ้นมา คือเวลาเราเรียนอะไรมา เราก็จะเอามาโพสไว้ในบล็อกเพื่อวันหลังจะเปิดมาอ่านทบทวนความรู้ที่ตัวเองได้เรียนมา ซึ่งเราสามารถเปิดอ่านได้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ต หลักการคือเป็นสมุดจดบันทึกนั่นเอง คือจริงๆ อยากจะใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนความรู้กับคนทั่วไปที่เข้ามาอ่านด้วยค่ะ ผู้เยี่ยมชมสามารถแชร์ความรู้กันเข้ามาได้เลยนะคะ (ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเท่าไหร่ … แหะๆ)
เราก็เคยไปเรียนภาษาอังกฤษมาก็หลายเจ้าหลายครู แต่มันยังตื้อๆอยู่เลย ไม่ค่อยจะทำให้รู้เรื่องมากขึ้น ให้พอจะพูดจะใช้ได้คล่องๆสักเท่าไรนัก แล้ววันนึงเราก็ได้บังเอิญเจอกับฝรั่งคนนึง มาชวนเราพูดก่อน
อ้าว ตายล่ะหว่า จะ speak ไงดีเนี่ยเรา แต่ก็เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่เราพูดผิดไม่เป็นไรมั้ง จะได้เป็นครูก็คราวนี้แหละเรา (ผิดเป็นครู)
ก็เลยคุยกับเขาเท่าที่จะพูดได้ ปรากฏว่า ผิดคาด เวลาเราไม่รู้จะพูดอะไร
เราก็แค่พูดอะไรก็ได้ที่พอจะนึกออก แล้วเค้าก็จะบอกเราเอง
oh! my gosh (เป็นคำอุทานของ Bella นางเอกเรื่อง twilight ตอนได้รถกระบะ)
ไม่รู้จะกลัวฝรั่งกันไปทำไม แค่พูดออกไปทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง
นับแต่นั้นมา จึงรู้สึกมั่นใจเวลาพูดคุยภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ
(แต่เวลาพูดกับคนไทยมันก็อีกอย่างนึงนะ ไม่รู้เป็นกันหรือเปล่า พูดกับชาติเดียวกันดันเขิน คนไทยก็งี้)
พอได้คุยกับฝรั่งมากขึ้น ก็เลยถามเค้าว่าทำไงนะ จะพัฒนาภาษาพูดได้ดี
เขาก็ถามเราว่า ชอบฟังเพลงหรือเปล่า เราก็บอก Yes,I do.
English or Thai ? ก็ตอบเค้าไปว่า Thai แบบไม่คิด อิอิ ใจจริงอยากจะบอกว่าฟังหมอลำด้วย
ฝรั่งคนนี้ก็ใจดีเนาะ คุยกันแบบสะเปะสะปะ แถไปเรื่อย เค้ายังทนเราได้
เขาก็แนะให้เราฟัง English songs เยอะๆ ลิสศัพท์ที่เราไม่รู้ไว้ แล้วก็ร้องตาม มันก็จะworkเอง
ลองทำตามคำแนะนำดู ปรากฏว่า มันได้ผลมากกว่าเรียนพิเศษอีกนะ
มันทำให้เราพูดเก่งขึ้น เราก็แค่เลียนแบบวิธีการ สำนวนภาษาในเพลง พอเราร้องเพลงมันก็มีความสุข
พอมีความสุข ความจำก็ดี เราก็สามารถเอาประโยคในเพลงมาพูดได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย
พอจะพูด อยู่ๆ ประโยคมันก็โผล่ขึ้นมาในหัวเอง อะไรจะ amazing เช่นนี้
ไม่ต้องมามัวคิดเรื่องโครงสร้างอะไรให้วุ่นวาย เพราะเรามีอยู่ในหัวอยู่แล้ว
คำไหนไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้ หรือไม่ก็ค้นคว้า เพราะบางเพลงก็มีคำที่ไม่ค่อยสุภาพผสมอยู่ด้วย
โดยเฉพาะพวกเพลงแร็บทั้งหลาย เราไม่เคยนำไปพูดแต่ก็จำเป็นต้องรู้ไว้บ้างใช่ป่ะ
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นที่มาของบล็อกนี้ คือต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเพลง
ก็เลยรวบรวมเพลงและคำแปลขึ้นมา เอาไว้ร้องเล่นๆ เวลาว่างๆ ทุกที่ที่มี Internet
อาศัยหลักปรัชญาของขงจื้อที่ว่า
“คนรู้ แพ้คนเชี่ยวชาญ,คนเชี่ยวชาญ แพ้คนชอบ, คนชอบ แพ้คนรัก”
และประโยคนึงที่ได้มาจากเพลงชื่อ 100% ของ Mariah Carey ที่บอกว่า
I’m a believer not just a dreamer
เป็นเพลงที่สุดยอดมากเลย ความหมายดีมากๆ
สุดท้ายนี้ขอฝากสุภาษิตเล็กๆน้อยๆว่า ” As long as your mistakes are new ones you can argue that you are making progress. ”
สวัสดี….
ปล. หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ
ถ้ามีความรู้อะไรดีๆมาแชร์กันจะขอบพระคุณมากเลยค่ะ ^_^